โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็อย่าเพิ่งท้อใจไป ตราบใดที่เราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ ก็จะทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข เหมือนคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีโรค
ผู้ที่มีอาการเบาหวานชัดเจน คือ หิวน้ำมาก ปัสสาวะบ่อยและมาก น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และหากเจาะดูระดับน้ำตาลในเลือด หลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง จะพบว่าน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือหากสุ่มเจาะน้ำตาลในเลือดโดยไม่อดอาหาร แล้วพบว่าน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก็จะถือว่าคนนั้นเป็นเบาหวาน แต่สำหรับคนที่ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมง อยู่ในช่วง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือสุ่มเจาะน้ำตาลในเลือดโดยไม่ได้อดอาหาร แล้วพบว่าน้ำตาลในเลือดอยู่ในช่วง 140-199 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน ผู้มีความเสี่ยงควรควบคุมอาหาร และออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น
โดยเป้าหมายการรักษาเบาหวาน จะถือว่าได้ผลดีต่อเมื่อ สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อยู่ระหว่าง 70-130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เมื่อเจาะระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหาร 8 ชั่วโมงหรือไม่เกิน 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
โดยผักที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าช่วยลดน้ำตาลได้ จึงมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานควบคู่กับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นพืชผักที่รับประทานกันอยู่แล้ว หาได้ง่าย และมีความปลอดภัยสูง โดยผู้ป่วยอาจเลือกใช้ผักเหล่านี้ชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยอาจใช้สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ในคนที่คุมน้ำตาลได้ดีอยู่แล้วด้วยยาของแพทย์ อาจรับประมานเพียงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลในเลือดตกมากเกินไป
1.มะระขี้นก มีผลกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ยับยั้งการสร้างกลูโคส ทำให้มีผลลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้คือ คั้นน้ำจากผลสด มื้อละ 2-3 ผล โดยเอามล็ดในออกใส่น้ำลงไปเล็กน้อยปั่นคั้นเอาแต่น้ำ ดื่ม 3 เวลา ก่อนอาหาร หรือนำเนื้อมะระผลเล็ก (มีตัวยามาก) ผ่านำเมล็ดออก หั่นเนื้อมะระเป็นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาชงกับน้ำเดือด (มะระ 1-2 ชิ้น/น้ำ 1 ถ้วย) ดื่มเป็นน้ำชา ครั้งละ 1-2 ถ้วย วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร หรือรับประทานในรูปแบบแคปซูลครั้งละ 500-1,000 มิลลิกรัม วันละ 1-2 ครั้ง มะระขี้นก จะมีรสขมมากกว่ามะระจีน โดยวิธีลดความขมของมะระขี้นกทำได้ด้วยการต้มน้ำให้เดือดจัด ใส่เกลือประมาณหยิบมือ แล้วลวกมะระในน้ำเดือดสักครู่ จะทำให้ความขมลดลง ซึ่งมะระที่สุกแล้วจะมีสารซาโปนิน (Saponin) ในปริมาณมาก อาจทำให้มีอาการอาเจียน ท้องร่วง ดังนั้น ควรรับประทานผลอ่อน ในปริมาณที่พอดี เพราะความขมจัดของมะระขี้นก อาจทำให้ตับทำงานหนักขึ้น
2.ชะพลู มีงานวิจัยพบว่าชะพลูสามารถลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่เป็นเบาหวานได้ แต่ไม่สามารถลดน้ำตาลในเลือดของกระต่ายที่เป็นปกติได้ วิธีใช้ คือ นำชะพลูทั้งต้นตลอดถึงราก 1 กำมือ พันเถาเป็น 3 ทบ ใช้ตอกไม้ไผ่มัด เป็น 3 เปราะ ใส่หม้อต้มกับน้ำพอท่วม ต้มจากน้ำ 3 ส่วน เหลือ 1 ส่วน ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร
3.ผักเชียงดา มีผลช่วยป้องกันการดูดซึมของน้ำตาล ฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน และลดน้ำตาลในเลือดได้ วิธีใช้ให้ใช้ใบแห้งชงดื่มเป็นน้ำชา ครั้งละ 4 กรัม วันละ 2-3 ครั้ง หรือรับประทานเป็นผักในมื้ออาหาร
4.ตำลึง ใช้เป็นยารักษาเบาหวานมายาวนานนับพันปี จากการทบทวนผลการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบของสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของทีมนักวิชาการจาก Harvard Medical School พบว่า ตำลึงและโสมมีหลักฐานสนับสนุนประสิทธิผลที่ดีที่สุดจากการทดลอง เนื่องจากมีผลลดน้ำตาลทั้งในสัตว์ทดลองและในคน ตำลึงให้ผลลดน้ำตาลทั้งส่วนที่เป็นใบ ราก ผล โดยใช้เถาแก่ๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ หรือน้ำคั้นจากผลดิบ ดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน
วันที่ 26 มีนาคม 2561