ทุกคนคงรู้จักการใช้เมล็ดข้าวโพดเป็นอาหารคนและสัตว์กันดี แต่รู้หรือไม่ว่า ” ไหมข้าวโพด ” ก็สามารถนำมาเป็นอาหารและยาได้ โดยไหมข้าวโพดที่เป็นฝอยๆ หุ้มฝักข้าวโพดนั้น เป็นก้านเกสรตัวเมีย ซึ่งข้าวโพดแต่ละต้น มีดอกสองชนิด ดอกเกสรตัวผู้เกิดที่ปลายยอด รูปคล้ายรวงข้าว ดอกเกสรตัวเมียเป็นฝัก เกิดที่ซอกใบ เมื่อเกสรตัวผู้ร่วงหล่นหรือปลิวไปติดกับก้านเกสรตัวเมีย จึงเกิดเป็นเมล็ดข้าวโพด จำนวนเส้นไหมของข้าวโพด ก็คือ จำนวนเมล็ดข้าวโพดในหนึ่งฝัก ข้าวโพดที่มีเมล็ดไม่เต็มฝัก ที่เรียกว่า “ฟันหลอ” นั้น เนื่องจากเกสรตัวเมียบางส่วนไม่ได้รับการผสมนั่นเอง..
ข้าวโพด เป็นทั้งอาหารคนและสัตว์ ฝักข้าวโพดอ่อน สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง ทั้ง ผัด แกง ทอด หรือบรรจุกระป๋อง ไหมข้าวโพดอ่อนเป็นเส้นอ่อนนุ่ม สีเขียวอ่อน สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารได้แทนเส้นหมี่ เพียงแต่ต้องผัดเส้นไหมในน้ำผสมน้ำมันพอให้เส้นไหมสุก ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ทำนำ้ราดหน้าเทลงไป เท่านี้ก็จะได้อาหารจานแปลก สวย อร่อย และมีคุณค่า
งานวิจัยชี้ว่าไหมข้าวโพด มีสารช่วยขับปัสสาวะ ลดระดับน้ำตาลและไขมัน ไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดของหนูทดลองที่เป็นเบาหวาน และยังมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ เซลล์ไขมัน และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และในไหมข้าวโพดยังมีฟลาโวนอยด์ ชื่อ เมย์ซิน มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์ะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนเส้นฝอยสีน้ำตาลสามารถนำมาต้มน้ำดื่มเพื่อใช้ในการบรรเทาอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับทางเดินปัสสาวะ เช่น การติดเชื้อ การอักเสบและนิ่ว ซึ่งมีผลต่อการลดความดันโลหิตด้วย โดยไหมข้าวโพดแห้ง ราว 1-2 กำมือ ต้มกับน้ำ4-5 ถ้วย ดื่มได้ทั้งวันอย่างปลอดภัย เหมาะกับคนที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และนิ่วในทางเดินปัสสาวะ แต่สิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร ควบคุมอารมณ์ ตลอดจนการใช้ยาแผนปัจจุบันเมื่อมีความจำเป็น เลือกเชื่อ เลือกใช้ ให้เหมาะสมกับตนเอง จะเป็นผลดีกับสุขภาพในระยะยาว