ไขมันแปลง หรือ ไขมันทรานส์ (trans fat, trans fatty acids) ในที่นี้หมายถึง น้ำมันพืชชนิดไขมันไม่อิ่มตัวที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของไฮโดรเจนเพียงตัวเดียว ในโมเลกุลของกรดไขมัน ด้วยกระบวนการทางเคมี เพื่อให้ได้ไขมันที่แข็งตัวง่าย เก็บไว้ได้นาน (ไม่เสียเร็ว ไม่เหม็นหืน) ทำให้อาหารที่ปรุงด้วยไขมันนี้มีรสชาติคงเดิมอยู่นาน
“ไขมันแปลง” จึงเป็นที่ชื่นชอบของวงการอุตสาหกรรมอาหาร และภัตตาคารต่างๆมาเกือบร้อยปี โดยเฉพาะอาหร (รวมทั้งขนม) สำเร็จรูปที่ต้องใช้ไขมันเป็นส่วนประกอบ เช่น ก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูปพร้อมเครื่องปรุงในซอง ปลา/เนื้อกระป๋อง เนยเทียม ครีมเทียม เค้ก คุ้กกี้ มันฝรั่งทอด ขนมกรุบกรอบต่างๆ เป็นต้น โดยคนส่วนใหญ่นั้นเข้าใจว่า ไขมันแปลงนั้นปลอดภภัย เนื่อจากเป็นไขมันไม่อิ่มตัว และทำจากพืช
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ วันที่ 22 พฤษภาคม 2560 ได้เผยแพร่บทความของคอลัมนิสต์ชื่อดังคุณ Jane E. Brody เรื่อง “ไขมันแปลง” ร้ายแรงที่สุด (The worst fat in food supply) โดยมีใจความย่อๆดังนี้ “เป็นที่น่าแปลกใจมากที่ การเปลี่ยนตำแหน่งของไฮโดรเจนตัวเดียวในโมเลกุลของน้ำมันพืช ทำให้คุณภาพน้ำมันพืช เปลี่ยนแปลงไปมาก จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุด มากกว่าไขมันอื่นๆ ทั้งอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว”
พ.ศ.2557 ประเทศเดนมาร์ก (Denmark) เป็นประเทศแรกที่ห้ามใช้ “ไขมันแปลง” ในอาหาร (รวมทั้งขนมทุกชนิด) และเพียง 3 ปี หลังจากการห้ามใช้ คนเดนมาร์กเสียชีวิตลดลง 14.2 คน ต่อประชากรแสนคนต่อปี
พ.ศ.2549 องค์การอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริการ (สหรัฐฯ) สั่งให้มีการระบุปริมาณของ “ไขมันแปลง” ในอาหาร (รวมทั้งขนม) ทุกชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้ออาหารที่ไม่มี “ไขมันแปลง” ได้
พ.ศ.2558 องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกการใช้ “ไขมันแปลง”ในอาหาร (รวมทั้งขนม) ทุกชนิด โดยให้มีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ในพ.ศ.2561(ปีหน้า)
เป็นที่น่าเสียใจที่องค์การอาหารและยา (อย.)ไทย ยังไม่ดำเนินการใดๆ แม้แต่การให้รับุปริมาณ “ไขมันแปลง” ในสลากอาหาร (รวมทั้งขนม) ทุกชนิด เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยได้
ถ้าจะให้ปลอดภัยกว่า ควรจะสั่งห้ามการใช้ ” ไขมันแปลง” หรือ “ไขมันทรานส์ ” ในอาหาร (รวมทั้งขนม) ทุกชนิดด้วย
แหล่งที่มา : นิตยสารหมอชาวบ้าน
ลงวันที่ : 20 กันยายน 2560