Computer Vision Syndrome (CVS) พบได้ทุกเพศทุกวัย ที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ฯลฯ ติดต่อกันเป็นเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงขึ้นไป และอยู่ในที่มีความสว่างไม่เพียงพอ หรือเกิดจากความสว่างของหน้าจอที่ปรับไว้ไม่เหมาะสมในขณะใช้งาน ทำให้เกิดอาการอาการตาพร่ามัว ล้าตา ตาแห้ง เคืองตา เจ็บตา ปวดรอบดวงตา เห็นภาพซ้อน บางรายอาจมีการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และหลังร่วมด้วย เนื่องจากอยู่ในท่านั่งการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม หรือเกิดจากค่าสายตาที่ไม่ได้รับการแก้ไข อาทิ สายตายาว สายตาเอียง
วิธีการป้องกันโรค Computer Vision Syndrome
- ใช้สูตร 20 : 20 : 20 คือ พักสายตาระหว่างการใช้งานทุกๆ 20 นาที ควรหลับตาเพื่อพักสายตา 20 วินาที และมองไกลอย่างน้อย 20 ฟุต และเมื่อใช้คอมพิวเตอร์ ในทุก 2 ชั่วโมง ให้หยุดพักเป็นเวลาประมาณ 15 นาที
- กะพริบตาถี่ๆ แนะนำให้ลองกะพริบตานาทีละ 20-22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตาเปลือกตาจะรีดน้ำตามาฉาบผิวกระจกตา และพักสายตาโดยการหลับตา หรือลุกเปลี่ยนอิริยาบถประมาณ 2-3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง
- ปรับขนาดตัวอักษรบนหน้าจอ ให้มีขนาดที่เหมาะสม มองเห็นชัดเจน ปรับแสงสว่างให้สบายตามากที่สุด หรือเลือกใช้หน้าจอชนิดที่ลดแสงสะท้อน
- หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีแสงสว่างจากภายนอกที่มีแสงจ้ามากเกินไป และควรระวังไม่ให้แสงจากหน้าจอสว่าง หรือมืดกว่าแสงโดยรอบมากเกินไป
- หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้งาน ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา 15 – 20 องศา และบริเวณกลางหน้าจอควรอยู่ห่างจากใบหน้า 50 – 70 ซม.
- ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ หรือหากมีความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตา ควรรีบพบจักษุแพทย์โดยด่วน
ดวงตา เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก และยุคนี้ Computer Vision Syndrome เป็นโรคที่ใกล้ตัวเราเรียกว่าใกล้ชิด จึงควรดูแลดวงตาให้ดี หลีกเลี่ยงการใช้สายตาที่หนักเกินไป และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงตา ที่สำคัญควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ เพื่อรักษาอาการได้ทันท่วงที
ที่มา : https://www.sanook.com/health/16449/
วันที่ 10 มิถุนายน 2562