บริษัท สงขลาไบโอแมส จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท พรีไซซ เพาเวอร์ โปรดิวเซอร์ จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์อัศศิดดีก จำกัด ประสบความสำเร็จในการจัดหาสินเชื่อ โดยได้ลงนามสัญญาการสนับสนุนสินเชื่อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยวงเงินมูลค่า 620 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2555
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ในฐานะผู้ถือหุ้น กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาเป็นโครงการที่เราภาคภูมิใจมาก เพราะรูปแบบการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าของชุมชนอย่างแท้จริง โดยเบื้องต้นสหกรณ์อัศศิดดิกได้เข้ามาถือหุ้นร่วมกันในสงขลาไบโอแมส จากนั้นจะดำเนินการกระจายหุ้นให้กับชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าต่อไป
สำหรับราชบุรีโฮลดิ้ง นอกเหนือจากเงินทุนแล้ว ยังสนับสนุนบุคลากรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนและด้านการเงินทำให้โครงการเดินหน้าได้ตามเป้าหมาย และที่สำคัญโครงการนี้ยังตอบสนองกลยุทธ์การเติบโตด้านพลังงานทดแทนของบริษัทฯ และเป็นการตอบสนองนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกของรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานชีวมวลให้ได้ 3,630 เมกะวัตต์ในปี 2564 อีกด้วย
“การเป็นพันธมิตรกับ พรีไซซ เพาเวอร์ในโครงการชีวมวลสงขลา ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะทั้ง 2 ฝ่ายมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศเพื่อการผลิตไฟฟ้าและลดภาวะโลกร้อน ขณะเดียวกันก็มองว่าการจะพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดการยอมรับและเชื่อมั่น เพื่อให้โครงการและชุมชนอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีที่การพัฒนาโครงการนี้ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากชุมชนที่เล็งเห็นประโยชน์ของประเทศชาติและชุมชนที่จะได้รับจากโครงการเป็นสำคัญ” นายนพพลกล่าว
ด้านนายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย กรรมการ บริษัท พรีไซซ เพาเวอร์ โปรดิวเซอร์ จำกัด หนึ่งในผู้ถือหุ้น กล่าวว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา ริเริ่มขึ้นตามนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนของภาครัฐ โดยบริษัทฯ ได้เลือกพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นที่ตั้งโครงการ เพราะมองเห็นศักยภาพชีวมวลที่มีอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกยางพารามากกว่าร้อยละ 85 ของประเทศ มีปริมาณรากไม้ยางพาราจำนวนมากที่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลได้ อีกทั้งโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราส่วนใหญ่ก็อยู่ในภาคใต้ ซึ่งการแปรรูปไม้ยางพารานั้น จะได้ปีกไม้และขี้เลื่อยเป็นผลพลอยได้ ซึ่งจะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลได้เช่นกัน ทำให้มีความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิงต่ำ
“โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่รัฐให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ โดยให้ราคารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 1 บาทต่อหน่วยผลิต หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เป็นเวลา 7 ปี อันจะทำให้โครงการมีผลตอบแทนดียิ่งขึ้น” นายพรเทพกล่าว
ด้านนายก่อซี อุเซ่ง ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์อัศศิดดีก จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์ฯ ได้ทำหน้าที่ประสานงานระหว่างผู้พัฒนาโครงการและชุมชน มีส่วนร่วมในการคิด รวมทั้งหาทางออกให้กับประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการพัฒนาโครงการอย่างสร้างสรรค์ โดยสนับสนุนให้โครงการนี้เป็นโครงการเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง คือ เปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนในฐานะเจ้าของโครงการ แสดงถึงความจริงใจของผู้พัฒนาโครงการ ทำให้ชุมชนมีความมั่นใจในโครงการและเชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
นายณรงค์ศักดิ์ วิเชษฐ์พันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สงขลาไบโอแมส จำกัด กล่าวว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา มีขนาดกำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และกำหนดขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 9.1 เมกะวัตต์ บริษัทฯ มีความภูมิใจในความก้าวหน้าของโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างดียิ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2555 ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ประเภท Non-Firm สำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมากกับ กฟภ. ระยะเวลา 25 ปี และได้รับการสนับสนุนอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) จำนวน 1.30 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 7 ปี อีกทั้งยังได้รับส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นระยะเวลา 8 ปี ล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาสนับสนุนสินเชื่อวงเงินมูลค่า 620 ล้านบาทกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยด้วย คาดว่าโรงไฟฟ้าจะดำเนินการออกแบบ จัดหาอุปกรณ์และก่อสร้างโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2557
สำหรับ หม่อมราชวงศ์ศศิพฤนท์ จันทรทัต กรรมการและรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า “โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่มีจุดเด่น ในแง่การสนับสนุนของชุมชนและความมั่นคงด้านเชื้อพลังงาน เพราะในพื้นที่ภาคใต้การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้ายังมีไม่มากนัก ทำให้ปริมาณของเชื้อเพลิงยังมีอยู่อย่างเพียงพอ ด้วยความพร้อมของเงินทุนดังกล่าว จะเสริมสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายได้ว่าโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลา จะสามารถเดินหน้าดำเนินการตามแผนงานได้สำเร็จโดยจะสามารถเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปี 2557 ตามเป้าหมายที่วางไว้ในที่สุด
ที่มา: นิตยสาร Green Network ฉบับเดือนตุลาคม 2555