“งานวิจัยจากแพทย์ชาวจีนกว่า 12 ปี ค้นพบว่า คนที่เครียดจากการทำงานเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานมากกว่าปกติถึง 60% ขณะคนที่ยิ่งเครียดแล้วหาทางผ่อนคลายไม่ได้ ยิ่งเสี่ยงหนักเข้าไปอีกกว่า 70%”
ผลการวิจัยล่าสุดของคณะนักวิจัยทางการแพทย์ชาวจัน มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ ชินเจียง ที่ได้ศึกษาและติดตามผลของความเครียดที่เป็นผลพวงจากภาระหน้าที่การงานของคนงานชาย จำนวน 3,730 คน ซึ่งทำงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในมณฑลซินเจียง ประเทศจีน นาน 12 ปี ได้ตีพิมพ์วารสารการแพทย์ด้านวิทยาการรักษาโรคเบาหวาน ชื่อ ไดอะบีทส์ แคร์ ของสมาคมโรคเบาหวานสหรัฐอเมริกัน โดยพบข้อพิสูจน์ถึงความสำคัญของความเครียดจากการทำงานกับความเสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน
ผู้วิจัยค้นพบว่า คนงานที่มีระดับความเครียดเพิ่มมากขึ้นจากการทำงาน มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานมากกว่าปกติเฉลี่ย 57% ขณะที่คนที่เครียดจากงานแต่ไม่มีการผ่อนคลายหรือผ่อนคลายน้อย ทั้งด้านการทำกิจกรรมสันทนาการต่างๆ การพูดคุย ปรับทุกข์ และให้กำลังใจ จากวงเพื่อนฝูง คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด ยิ่งมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานเพิ่มมากกว่าปกติถึง 68%
จากสถิติทั่วโลกรายงานโดยองค์กรอนามัยโลก เมื่อปี 2557 พบว่า อัตรการป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้นพบได้ในประชากรวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 10 คน และจากสถิตินี้ องค์การอนามัยโลก ระบุว่าโรคเบาหวานจะกลายมาเป็นสาเหตุการเสียชีวิต อันดับที่ 7 ภายในปี 2573 ทั้งนี้ พบด้วยว่า ปัจจุบันผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ มักจะเป็นเบาหวาน ชนิดที่ 2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องโรคอ้วน และภาวะน้ำหนักตัวเกิน หากทิ้งไว้อาจนำไปสู่การทำลายประสาท ทำให้เกิดการสูญเสีย/ต้องตัดอวัยวะ ได้
ความเครียดที่ถูกกำจัดความในงานวิจัยใหม่นี้ ทีมนักวิจัยชาวจีน ระบุว่า เป็นภาระที่ก่อความเครียด เช่น งานมากจนล้นมือ ความคาดหวัง ความไม่แน่ใจในขอบเขตการทำงาน รวมทั้งความเหน็ดเหนื่อย ความล้าทางกายจากการทำงานหนัก นักวิจัยพบว่า ส่งผลให้กลุ่มที่ขาดความช่วยเหลือทางใจและสังคม มีพฤติกรรมถดถอยด้านรักษาสุขภาพของตัวเอง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ตามมา โดยเฉพาะน้ำหนักตัวเกิน
การลดปัจจัยเสี่ยงด้วยการควบคุมความเคียดให้เหมาะสมหากิจกรรมนันทนาการ หรือกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดอย่างเช่นชวนเพื่อนออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายด้วยการทำสมาธิ ทำบุญ หัดปล่อยวาง ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเครียดและทำให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บได้มากขึ้น
ที่มา : นิตยสารสร้างสุข
วันที่ : 3 พฤษภาคม 2561